6158 จำนวนผู้เข้าชม |
ช่วงนี้อาการหนาวแล้ว เรามาเตรียมตัว เตรียมใจ เตรียมพร้อมร่างกายสู้กับโรคภัยที่จะมากับฤดูหนาวกันดีกว่าค่ะ แต่ก่อนจะตั้งรับโรค เราต้องมีความรู้เกี่ยวกับโรคกันสักนิดนะคะ ถึงจะชนะ ไม่เป็นโรค ดังคำพูดที่ว่า รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้ง ชนะร้อยครั้ง โรคยอดฮิตที่เป็นกันบ่อย top Hit ติดอันดับเลยคือ
โรคไข้หวัด (common cold)
โรคนี้ คือ การติดเชื้อไวรัสที่ระบบทางเดินหายใจส่วนบน ที่ประกอบไปด้วย จมูก ไชนัส คอ กล่องเสียง โรคนี้ไม่อันตราย เป็นแล้วหายเองได้ แต่ก็สร้างความหงุดหงิด ไม่สบายตัว หายใจไม่สะดวก เสียบุคลิก (โดยเฉพาะเวลา ออกเดท กับแฟน ) ในเด็กที่อายุต่ำกว่า 6 ปี หรือคนที่อายุมากกว่า 60 ปี หรือ คนที่มีโรคประจำตัวที่เกี่ยวกับโรคทางเดินหายใจอยู่เดิม ถ้าเป็นไข้หวัด อาจจะมีความรุนแรงของโรคมากกว่า คนทั่วไปได้ ปกติคนทั่วไป สามารถติดเชื้อไข้หวัด ได้ปีละ 2-3 ครั้ง แต่ละครั้งมักจะใช้ระยะเวลาในการเป็นโรค ประมาณ 1-2 สัปดาห์ แต่ในคนที่สูบบุหรี่อยู่เป็นประจำ ระยะเวลาของโรคอาจจะเป็นได้นานขึ้น
เชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรค ที่พบบ่อย คือ ไวรัส rhinovirus (30-80%) , human coronavirus (15%) , human respiratory syncytial virus (RSV) , enterovirus , adenovirus ,parainfluenzavirus พูดมาซะยาว แล้ว เราติดเชื้อไวรัส เหล่านี้ได้ยังงัย แน่นอนมันไม่ได้ เดินมาเองค่ะ มันเข้าสู่ร่างกายเราโดยอาศัยมากับน้ำลาย ละอองฝอยของน้ำมูก ที่พัดมากับลมอีกทีนึง หรือ เวลาที่เราเอามือไปสัมผัส น้ำมูก น้ำลายของคนที่เป็นไข้หวัด แล้วเอามือมาแตะตา จมูก ปากของเราค่ะ หรือ การใช้สิ่งของร่วมกัน เช่น ดื่มน้ำแก้วเดียวกัน จูบกัน
เมื่อติดเชื้อ หรือ เชื้อเข้าสู่ร่างกายแล้ว จะแสดงอาการใน 1-2 วัน อาการ เช่น คัดจมูก น้ำมูกไหล เจ็บคอ ไอ มีเสมหะ มีไข้ ปวดเมื่อยตามตัว ปวดศีรษะ โดยช่วงแรก น้ำมูกจะมีลักษณะใส เหลว แต่เมื่อเวลาผ่านไป อาจจะมีลักษณะ ข้น เหนียวขึ้น และ จะเปลี่ยนเป็นสีหลือง เขียว ถ้ามีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน
เมื่อเราติดไข้หวัดแล้ว สิ่งที่ต้องระมัดระมัง และต้องคอยสังเกตุ คือ ภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะตามมาได้ เช่น การติดเชื้อในหูส่วนกลาง หลอดลมตีบแบบกระทันหัน ไชนัสอักเสบ หลอดลมส่วนล่างอักเสบ และปอดอักเสบ อาการที่จะบอกเราว่า เกิดภาวะแทรกซ้อนของไข้หวัด ก็คือ อาการเป็นเยอะขึ้น ไข้สูง มีหอบเหนื่อย เสมหะข้น สีเขียวมาก
อธิบายมาซะยาวเลย หลายคนเริ่มไม่อยากที่จะเป็นไข้หวัด งั้นเรามาดูวิธีป้องกันไข้หวัดกันค่ะ
การป้องกัน โรคไข้หวัด
ไม่มีวัคซีนป้องกัน แต่เราสามารถป้องกันได้ด้วยการหลีกเลี่ยงการสัมผัสเชื้อไข้หวัดค่ะ คือ
1. ล้างมือด้วยสบู่และน้ำสะอาด สามารถ ใช้ น้ำยาล้างมือ แบบแห้ง ที่มีแอลกอฮอล์ แทนได้ค่ะ
2. สวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกัน การสัมผัสสารคัดหลั่ง ( น้ำมูก น้ำลาย)ของคนอื่นค่ะ ในชีวิตประจำวัน เวลาที่ต้องไปในที่ที่มีคนเยอะ แบบในห้างสรรพสินค้า โรงหนัง รถไฟฟ้า หรือ สวมใส่เวลาอยู่ใกล้คนที่ติดหวัด การสวมหน้ากากไม่เพียงแต่ป้องกันการติดไข้หวัด แต่ในคนที่เป็นหวัดอยู่ก็ควรสวมใส่ เพราะจะเป็นการป้องกันการแพร่เชื้อโรค สู่คนอื่นค่ะ
3. หลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของร่วมกัน เช่น ดื่มน้ำ แก้วเดียวกัน หรือใช้ช้อนส้อม ร่วมกัน
4. ทำความสะอาด เสื้อผ้า ที่อยู่อาศัย อยู่เสมอ
5. ออกกำลังกาย ทานอาหารที่มีประโยชน์ ครบ 5หมู่ เพื่อสูขภาพที่แข็งแรง จะสามารถ ป้องกันโรคได้ค่ะ
เพราะ เราไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้ว่า ถ้าเราติดไข้หวัดแล้ว อาการจะรุนแรงไหม จะเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาไหม เพราะฉะนั้น การป้องกันไม่ให้ติดเชื้อ จึงสำคัญ มากค่ะ