ทุกคนคงจะรู้ข่าวหมอกควันกันมาแล้ว แต่หลายคนยังสงสยว่า เอ๋ ! แล้วสาเหตุของการเกิดหมอกควันทางภาคเหนือนั้นมาจากไหนกันนะ หมอกควันมีสาเหตุเกิดจากการเผาไหม้นั้นเอง ที่สำคัญคือ การเกิดไฟป่าจำนวนหลายครั้ง ทั้งภายในประเทศและจากประเทศเพื่อนบ้าน การเผาเศษวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรเพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับการเพาะปลูกในช่วงฤดูฝน การเผาพื้นที่เพื่อประโยชน์ต่อการเก็บเห็ดเผาะ และผักหวาน การเผาขยะชุมชน และการก่อไฟเพื่อให้ความอบอุ่น
การเผาไหม้ เหล่านี้ทำให้เกิดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กและก๊าซอันตรายต่างๆ เช่น ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ คาร์บอนมอนอกไซด์ และไนโตรเจนไดออกไซด์ ในบรรยากาศ ซึ่งจะแพร่กระจายไปยังบริเวณชุมชน
มลพิษหมอกควันทางภาคเหนือจัดเป็นปัญหามลพิษทางอากาศที่สำคัญปัญหาหนึ่งของประเทศไทย ประกอบกับสภาพภูมิประเทศ ที่เป็นแอ่งกระทะ และสภาพภูมิอากาศในช่วงฤดูหนาวที่มีความกดอากาศสูง สภาพอากาศนิ่งและแห้งเป็นเวลานาน ทำให้มีการสะสมของสารมลพิษเหล่านี้ในบรรยากาศสูงเกินมาตรฐานผลกระทบจากหมอกควันปัญหามลพิษจากหมอกควันและฝุ่นละอองในอากาศที่เกิดขึ้นในช่วงเดือน กุมภาพันธ์-มีนาคม โดยในระยะเวลา 4 - 5 ปี ที่ผ่านมา ได้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของจังหวัดเชียงใหม่ สร้างความสูญเสียต่อเศรษฐกิจการท่องเที่ยวกว่า 2,000 ล้านบาท และทำให้มีผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจเพิ่มมากขึ้น ได้แก่ โรคหอบหืดและโรคมะเร็งปอด
จากการวิจัยของนายแพทย์พงศ์เทพ วิวรรธนะเดช คณะแพทยศาสตร์ มช. พบว่าจังหวัดเชียงใหม่มีอัตราผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดประมาณ 40 คนต่อประชากร 100,000 คน ขณะที่ในภาคอื่นๆ มีอัตราผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดเฉลี่ยประมาณ 20 คนต่อประชากร 100,000 คน ดังนั้นคนเชียงใหม่จะมีโอกาสป่วยเป็นโรคมะเร็งปอดสูงถึง 2 เท่าของคนในภาคอื่น
หากปัญหามลพิษทางอากาศของเมืองเชียงใหม่ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างมีประสิทธิผลแล้ว น่าเป็นห่วงว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า จังหวัดเชียงใหม่จะมีผู้ป่วยโรคมะเร็งปอดเพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อประสบกับปัญหานี้ไปแล้ว แน่นอนอาจเลี่ยงได้ยาก ถ้ายังอยู่ในพื้นที่ที่เกิดหมอกควันได้ง่าย แน่นอนสิ่งที่ทำได้ดีที่สุด คือ ป้องกันตัวเองจากมลพิษเหล่านั้น คือ การสวมหน้ากากอนามัย แต่หน้ากากอนามัยแบบรรมดาอาจยังไม่พอ จึงจำเป็นต้องเลือกหน้ากากอนามัยที่ป้องกันได้หลายชั้น กันไว้ดีกว่าแก้น่ะคะ เพื่อสุขภาพของเราเองและคนที่เรารัก